8 เทคนิคจัดร้าน ขั้นเทพ “ แบกะดิน ตั้งโต๊ะ ตั้งราว in The ตลาดนัด ”

Posted on กันยายน 14, 2015 by administrator in ตลาดนัด-บทความ, ธุรกิจ SME น่าสนใจ // 1 Comment

8 เทคนิคจัดร้าน ขั้นเทพ “ แบกะดิน ตั้งโต๊ะ ตั้งราว in The ตลาดนัด ”

การเปิดร้านขายของ ในตลาดนัด ร้านที่มีลักษณะเฉพาะตัว หากมองแค่เพียงผิวเผิน ใครๆ ก็คิดว่า ขายของแบกะดิน ไม่เห็นยาก แค่หาผ้าปู , เอาของลง ก็ขายได้แล้ว..

แต่ช้าก่อนนะครับ… ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว.. การขายของที่มีการแข่งขันสูง ในตลาดเดียวกัน.. มองไปทางไหน.. ก็เห็นแต่ร้านที่ขายของเหมือนกันไปหมด…

แต่หากสังเกตให้ดี… มีไม่กี่ร้านที่เขาขายดี มีลูกค้าเยอะ.. เอะอะก็เข้าร้านนี้ มันเป็นเพราะอะไร…

สำหรับ “ มือใหม่ ” ที่เริ่มหัดขาย.. ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็เหมือนนักมวย
“ เวลายังไม่ลงสนาม ก็วางแผนอย่างดี ต้องขายแบบโน้น จะเรียกลูกค้าแบบนี้ ”
“ พอลงสนามจริงๆ กลับโดนพายุหมัดเล่นงาน เกิดอาการเมาหมัด ทำอะไรไม่ถูกเลย ”

ฉะนั้น ต้องหาเทคนิค หาความรู้ต่างๆ เตรียมไว้รับมือแก้ไขสถานการณ์…

Advertisements

กับ อีแค่ร้าน “ตั้งโต๊ะ” หรือ “แบกะดิน” ขนาดไม่เกิน 2 เมตร คูณ 2 เมตร , มันจะอะไรกันนักกันหน่า…

เพื่อนๆ อย่าพึ่งดูแคลนไปนะครับ พื้นที่ขนาดเล็กๆ เป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐีเมืองไทยมาหลายคนแล้ว อย่างเจ้าของแบรนด์รองเท้าชื่อดัง Mywarisa ที่ทำยอดขาย เกือบ 200 ล้าน/ปี , ก่อเริ่มจากการขายแบบ “แบกะดิน” นี่หล่ะครับ

หาก “พื้นที่เล็กๆ” เรายังไม่สามารถ จัดการได้.. แล้วนับประสาอะไร กับ ร้านใหญ่ๆ โตๆ

วันนี้ ผู้เขียน จะได้มานำเสนอ “ เทคนิคต่างๆ ” จากประสบการณ์ในการสำรวจ ตลาดนัด , ตลาดเปิดท้าย , ตลาดคลองถม , ถนนคนเดิน ที่ผ่านสายตาผู้เขียน มามากกว่า 400 ตลาด

แล้วกลั่นกรอง สรุปสุดยอดเทคนิค ที่ร้านแบกะดิน , ตั้งโต๊ะ หรือ ตั้งราว ขายดี ที่เขานำมาใช้กัน… มาเป็น 8 เทคนิคจัดร้าน ขั้นเทพ “ แบกะดิน ตั้งโต๊ะ ตั้งราว in The ตลาดนัด ” ดังนี้

1.) สรุป ของเยอะๆ เข้าว่า

เทคนิคพื้นฐาน ที่ไม่ควรมองข้าม หรือ..ขี้เกียจเอาของออกมาโชว์ ไม่ได้เลยนะครับ , ร้านเรามีดีอะไร…ก็ต้องเอามาโชว์ “จัดเต็มๆ ไว้ก่อน” พยายามจัดให้รู้ว่าขายอะไรด้วยครับ เยอะๆ ต้องชัดเจน

ที่จริงเทคนิคนี้ ยังมีเทคนิคตรงกันข้ามด้วยครับ คือ “ ของน้อยแต่…ชัวร์ ” เป็นเทคนิคขายของไม่กี่ชิ้น แต่สินค้าแต่ละชิ้นนั้น เจ๋งๆ ทรงคุณค่า , หายาก อย่างร้านขายของสะสม ชอบใช้วิธีนี้ , ฉะนั้นต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวสินค้า ที่เราจะขาย…

2.) props อุปกรณ์ประกอบฉาก สำคัญ

พื้นที่เล็กๆ , ต้องหา อุปกรณ์ประกอบร้าน ที่ทำให้ร้านดูโดยเด่น เช่น
– การใช้ผ้าปู บ้างร้านใช้หญ้าเทียม , บ้างร้านใช้ผ้าลายเสื้อ
– ชั้นวางเก๋ๆ ร้านขนมเค้ก มักจะหาชั้นกลม 3 ชั้น เล่นลวดลาย แบบที่วางในโรงแรม มาจัดโชว์ขนม บ้างร้านใช้ลังไม้สน มาซ้อนต่อกันเป็นชั้นๆ วางสินค้า ดูเป็น แฮนด์เมด ดี , หรือ..อย่างอีกร้านใช้ฉล่อม กับ กระดง มาวางขายน้ำหอม แปลกไปอีกแบบ

3.) เล่นสี โทนเดียวกัน หรือ ไล่เฉดสี ก็ได้

การใช้สี ถือเป็น “เทคนิคชั้นเลิศ” ในการ จัดร้าน แต่ใช้ได้กับบ้างสินค้าครับ แต่ถ้าทำได้ ร้านจะดูโดดเด่นขึ้นมากเลยครับ ตัวอย่างเช่น
    – ร้านขาย kitty ที่ตลาดน้ำแห่งหนึ่ง เป็นสีชมพู่ทั้งร้านเห็นมาแต่ไกล
    – ร้านขายเสื้อยืด ที่เรียงเสื้อไล่เฉดสี จากสีโทนอ่อน ไปหา สีโทนเข้ม , สวยสะดุดตา แถมเลือกง่ายอีกต่างหาก
    – ร้านขายนาฬิกาข้อมือ แห่งหนึ่งแถวสามย่าน เขาปูผ้าสีดำที่โต๊ะ และ ใช้ผ้าสีดำเดียวกัน ทำฉากด้านหลัง ทำให้ทั้งสินค้า และ คนขาย โดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
    – ร้านกระเป๋า แห่งหนึ่ง ใช้สีตัดกัน (CONTRAST ) ร้านนี้เขาเป็นกระเป๋าทำเอง เน้นสีขาว กับ สีดำ เลยแต่งร้านออกแนว “black & white” แม้แต่ตัวเจ้าของยังใส่เสื้อขาว กระโปร่งน้ำเงิน ทำให้ดูต่างจากร้านอื่น เด่นขึ้นทันตา…

4.) มาเป็นกอง

ร้านแบบ “แบกะดิน” ที่ชอบใช้เทคนิค มีหลายสินค้า เช่น รองเท้ามืองสอง , เสื้อผ้า , ตุ๊กตา จะตั้งราคาสินค้าไม่แพง เรียกลูกค้าให้เข้ามาเลือก ค้นหาในกอง อย่างเมามัน ส่วนใหญ่ สินค้าในกองจะมีทั้งของดี และ ของมีตำหนิ ผสมๆ กันไป
บ้างคนโชคดี ก็ได้ของดี ของที่ถูกใจ ในราคาที่ไม่แพง จึงเป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการจัดร้าน

5.) ความเป็นระเบียบ ใครๆ ก็อยากมอง

จัดร้านแบบให้เป็นระเบียบ ดังนี้
    – เรียงให้เป็นแถวเดียวกัน
    – เรียงตามขนาดของวัตถุ คือ ใหญ่ , เล็ก , กลาง
    – เรียงตามรูปทรง เช่น กลม , สี่เหลี่ยม , สามเหลี่ยม
    – จัดให้เป็นหมวดหมู่

6.) หาธีมให้เจอ : จัดร้าน ขั้นเทพ

ร้านเล็กๆ ถึงขายในตลาดนัด ขนาดไม่เกิน 2 เมตร คูณ 2 เมตร , ก็ต้องมีธีม (Theme ) มีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตังเอง ก็เหมือนสไตล์การแต่งตัว , บ้างคนแต่งตัวพื้นๆ ธรรมดาๆ ดูเหมือนกันไปหมด… , บ้างคนก็แต่งตัวดูดี มีความชัดเจนในคาแล็คเตอร์มากๆ , ใช้ของน้อยชิ้น แต่ Mix & Match ได้ลงตัว ก็ทำให้อะไรดีดูไปหมด

การจัดร้านก็เช่นกัน ก็ควรหาเอกลักษณ์ให้เจอ “จะเป็นไสต์คิคุโนเนะก็ว่าไป” , จะเป็นสไตล์เข้มๆ ชายชาติทหารก็จัดเต็ม , จะออกแนวโบราณ คลาดสสิกก็น่าสน , หรือ..จะออกแนวทันสมัย ก็เอาที่สบายใจเลย ทำให้ลูกค้ารู้ว่าเรามีสไตล์… “ลูกค้าจะหลงรักเราเอง…”

7.) ทำโชว์ ลูกค้าช๊อบ ชอบ

เทคนิคการ จัดร้าน อีกหนึ่งวิธี ทีเห็นบ่อยๆ ในตลาดนัด ทั้งร้านรองเท้า ที่มานั่งทำกันตามออร์เดอร์ลูกค้า , ทั้งร้านเพ้นท์ประดับเคสมือถือ , โชว์การทำเครื่องประดับไอเดีย ที่คิดขึ้นมาเอง หรือ..การทำกระเป๋าหนังโชว์ , เรียกลูกค้าหยุดดูได้อย่างดีเลย…

8.) ใช้แสงไฟ ต้องตั้งจุดประสงค์

สำหรับการ จัดร้าน การใช้หลอดไฟฟ้า ตามตลาดนัดนั้น ตลาดนัดส่วนใหญ่ จะให้ใช้ได้ ร้านละ 1 ดวง หรือ 1 จุด เท่านั้น , เพราะถ้าทุกร้านใช้เท่าไหร่ก็ได้ หม้อแปลงไฟฟ้ารวมของตลาดนัดจะไม่พอจ่ายไฟ เล่นเอาไฟจะดับกันทั้งตลาด
อีกอย่างในการใช้ไฟฟ้า ถ้าเราใช้มาก ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น กลายมาเป็นต้นทุนการค้าอีก ดังนั้นต้องใช้ไฟ ให้คุ้มค่า และ เกิดประโยชน์ กับ ร้านเรามากที่สุด… ใช้แสงต้องตั้งจุดประสงค์ ดังนี้

    – ส่องไปที่ตัวสินค้า
ร้านขายเครื่องประดับ , ร้านขาย ตุ้มหู , ร้านขายแหวน ร้านขายของแววๆ เมื่อเวลาที่ไฟส่อง ไปยังสินค้า สินค้าจะเกิดประกายสวย นิยมปูผ้าสีดำ วางสินค้า แล้วส่องไฟสีขาว จะทำให้สินค้าดูเด่นอย่างชัดเจน
    – ส่องด้านบนสุดของร้าน
ร้านปูพื้น , ตั้งโต๊ะ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้ กัน นิยมใช้หลอดสีส้ม เพื่อส่องแสงรวมทั้งร้าน และ ให้ลูกค้าเห็นแต่ไกลๆ
    – ส่องผ่านอุปกรณ์
ใช้หลอดไฟ ไว้ด้านในอุปกรณ์ เช่น หุ่นสำหรับโชว์เสื้อ , ป้ายชื่อ , ร่มสี เป็นการเพิ่มเสน่ห์ ในการใช้หลอดไฟ ทำให้ร้านดูแตกต่างกว่าร้านอื่นๆ
ขอแถมอีกข้อนะครับ…

9.) ร้านพร้อม… คนก็ต้องพร้อม…

    เมื่อทุกอย่างโอเคแล้ว อย่าลืม แต่งตัวสวยๆ , แต่งตัวให้ดูดี หรือ..ให้เข้ากับบรรยากาศร้าน , แต่งตัวให้เป็นไปในทางเดียวกันกับตัวสินค้า เช่น สินค้า เป็น กระเป๋าลายเสือดาว , การแต่งตัวก็ขอมีลายเสือนิดหน่อย ให้ได้บรรยากาศ
    สำรวจ ความพร้อมของใบหน้า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ก็ดูให้ดี แต่งหน้า-แต่งตา , หนวด-เครา , ทรงผม ทำให้ดูดีเข้าไว้ เพราะด่านต่อมาที่จะเรียกลูกค้า ก็คือ ตัวเรา
    “ถ้า first impression น่าประทับใจ อะไรก็ง่ายไปหมด”
    “หยิบกระจก ขึ้นมาส่องเลยครับ”