ขายของในตลาดนัด ควรตั้งราคาอย่างไรดีให้ปัง (10 เรื่องที่พ่อค้า-แม่ค้า ต้องรู้)
อยากขายของในตลาดนัดให้ได้กำไรดี ต้องเริ่มจากการตั้งราคาให้ถูกต้อง! มาดูเทคนิคเด็ดๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
🎯 เลือกกลยุทธ์ราคาให้โดนใจลูกค้า – ถูกแพงมีเหตุผล
การเลือกกลยุทธ์ราคาที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ ถ้าขายสินค้าคุณภาพดีแต่ไม่ต้องการแข่งราคา ให้ใช้กลยุทธ์ “Premium Pricing” เน้นคุณภาพและบริการที่ดีกว่า ลูกค้าจะยอมจ่ายแพงขึ้น 20-30% ถ้าได้รับประสบการณ์ที่ดี
หากต้องการครองส่วนแบ่งตลาดมาก ให้ใช้กลยุทธ์ “Competitive Pricing” โดยตั้งราคาใกล้เคียงคู่แข่ง แล้วเพิ่มจุดขายอื่นๆ เช่น ของแถม บริการหลังการขาย หรือความสะดวกในการซื้อ กลยุทธ์นี้ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายและสร้างฐานลูกค้าประจำได้ดี
🧠 ใช้จิตวิทยาการตั้งราคา – ทำให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น
ราคาที่ลงท้ายด้วย 9 เช่น 99, 199, 299 บาท ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกกว่าที่เป็นจริง เพราะสมองมนุษย์มองเลขหลักแรกก่อน ราคา 199 บาท ดูถูกกว่า 200 บาท มากกว่าที่คิด เทคนิคนี้เพิ่มยอดขายได้ 10-15% โดยไม่ต้องลดราคาจริง
การจัดกลุ่มสินค้าเป็น 3 ระดับราคา (ถูก กลาง แพง) ทำให้ลูกค้าเลือกระดับกลางมากที่สุด เพราะไม่อยากดูเหมือนตระหนี่แต่ก็ไม่อยากฟุ่มเฟือย ถ้าต้องการให้ลูกค้าซื้อสินค้าแพงขึ้น ให้ใส่ตัวเลือกที่แพงกว่าเดิมเข้าไป ราคากลางที่เคยแพงจะกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
⏰ ปรับราคาตามช่วงเวลา – เพิ่มกำไรแบบเป็นระบบ
ช่วงเช้า (6-9 น.) ลูกค้าต้องการความรวดเร็ว ยอมจ่ายราคาปกติ ช่วงสาย (9-12 น.) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน ต้องการราคาดี ให้ส่วนลด 5-10% ช่วงบ่าย (12-15 น.) ลูกค้าน้อย ใช้โปรโมชั่นดึงดูด เช่น ซื้อ 2 ได้ 3 ช่วงเย็น (15-18 น.) ลูกค้าหลากหลาย ตั้งราคาปกติ
วันธรรมดาลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อของใช้ ตั้งราคาปกติ วันเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้าออกมาเที่ยว มีเงินใช้มาก ขายสินค้าพรีเมี่ยมได้ราคาดี ช่วงเทศกาล ราคาสูงขึ้น 20-30% แต่ต้องมีของพิเศษหรือบริการเพิ่มเติม เช่น ของขวัญห่อฟรี การคำนวณช่วงเวลาช่วยเพิ่มกำไรได้ 15-25%
Advertisements
🤝 เทคนิคการต่อรองที่ชาญฉลาด – ไม่เสียราคาแต่ลูกค้าพอใจ
ตั้งราคาขายสูงกว่าเป้าหมาย 15-20% เผื่อไว้ต่อรอง เมื่อลูกค้าต่อรอง ให้ลดเป็นขั้นๆ ครั้งละ 10-20 บาท ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้ของถูก ขณะที่เรายังได้กำไรตามเป้า ห้ามลดราคาทันที เพราะจะทำให้ลูกค้าคิดว่าขายแพงเกินไป
เมื่อลูกค้าต่อรองหนัก ให้เสนอทางเลือกอื่น เช่น “ราคานี้ไม่ได้ครับ แต่ถ้าซื้อ 2 ชิ้นลดให้ 50 บาท” หรือ “ขอบคุณที่ใจดี ให้ของแถมพิเศษ” การให้คุณค่าเพิ่มแทนการลดราคาช่วยรักษาภาพลักษณ์สินค้าและกำไรไว้ได้ดีกว่า
📢 ใช้ราคาเป็นกลยุทธ์การตลาด – ขายให้ดังในตลาดนัด
สร้างสินค้าเบี้ยหน้า (Loss Leader) ขายในราคาต้นทุนหรือกำไรน้อยมาก เพื่อดึงดูดลูกค้า แล้วผลักดันให้ซื้อสินค้าอื่นที่กำไรสูงกว่า เช่น ขายเสื้อยืดราคาถูกมาก แต่มีกางเกงเข็มขัดรองเท้าราคาปกติ ลูกค้าจะซื้อครบเซ็ตด้วยความสะดวก
ใช้ราคาจิตวิทยาสร้างการรับรู้ เช่น “ราคาปกติ 200 บาท วันนี้พิเศษ 150 บาท” ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ของถูก แม้ว่าจริงๆ แล้วจะขาย 150 บาททุกวัน การแสดงราคาเปรียบเทียบช่วยเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้ 30-40%
🧮 คำนวณต้นทุนให้ครบ – เทคนิคไม่ให้ขาดทุนแบบงง ๆ
ต้นทุนที่ต้องนับรวม: ราคาซื้อสินค้า ค่าขนส่ง ค่าเช่าพื้นที่ ค่าถุงใส่ของ ค่าน้ำแข็ง ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมอุปกรณ์ ค่าแรงตัวเอง หลายคนลืมนับค่าแรงตัวเอง ถ้าขาย 8 ชั่วโมง ควรคิดค่าแรงอย่างน้อย 300-500 บาท
ใช้สูตร: ราคาขาย = (ต้นทุนรวม × 1.3) + ค่าแรงต่อชิ้น เช่น สินค้าต้นทุน 70 บาท ค่าใช้จ่ายอื่น 20 บาท ค่าแรง 10 บาท ราคาขาย = (90 × 1.3) + 10 = 127 บาท ปัดเป็น 130 บาท กำไร 30% ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
Advertisements
🔍 สำรวจราคาตลาด – รู้ศัตรูรู้ใจ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
เดินสำรวจราคาคู่แข่งทุกสัปดาห์ บันทึกราคาสินค้าเดียวกัน คุณภาพคล้ายกัน และวิธีการขาย ดูว่าใครขายดี ใครขายไม่ดี แล้วหาสาเหตุ อาจเป็นเพราะราคา ตำแหน่งขาย บุคลิกพ่อค้าแม่ค้า หรือวิธีจัดแสดงสินค้า
ใช้แอปพลิเคชั่นเปรียบเทียบราคาออนไลน์ด้วย เพื่อให้ทราบว่าราคาเราแพงหรือถูกเมื่อเทียบกับร้านค้าปกติ ถ้าแพงกว่าร้านค้าปกติไม่เกิน 20% ยังขายได้ เพราะลูกค้าตลาดนัดต้องการความสะดวกและบรรยากาศ แต่ถ้าแพงเกิน 30% ต้องปรับราคาหรือเพิ่มคุณค่าอื่นๆ
⚠️ หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการตั้งราคา – ผิดพลาดแพงที่สุด
ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดคือตั้งราคาเดียวกันตลอดเวลา โดยไม่คิดถึงสถานการณ์ต่างๆ ช่วงฝนลูกค้าน้อย ต้องมีโปรโมชั่น ช่วงร้อนขายเครื่องดื่มได้ราคาดี ช่วงเทศกาลขายของที่ระลึกได้แพง การไม่ยืดหยุ่นทำให้เสียโอกาสหาเงิน
การคิดแต่กำไรสูงโดยไม่คิดถึงปริมาณการขายเป็นข้อผิดพลาดใหญ่ บางครั้งกำไรต่อหน่วยน้อย แต่ขายได้เยอะ รวมแล้วได้เงินมากกว่า ต้องหาจุดสมดุลระหว่างราคาและปริมาณ ทดลองปรับราคาเป็นช่วงๆ แล้วดูผลตอบรับ
📊 ติดตามและวิเคราะห์ผลการขาย – ปรับปรุงแบบมีข้อมูล
บันทึกยอดขายรายวัน แยกตามสินค้า ช่วงเวลา สภาพอากาศ และกิจกรรมพิเศษ ดูว่าสินค้าไหนขายดีที่สุด กำไรสูงที่สุด ช่วงเวลาไหนลูกค้าเยอะที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยวางแผนการสั่งซื้อ การตั้งราคา และการจัดโปรโมชั่นได้แม่นยำ
ทำแบบสอบถามลูกค้าเป็นครั้งคราว ถามเรื่องราคา คุณภาพ บริการ และสิ่งที่อยากให้ปรับปรุง ลูกค้าจะบอกตรงๆ ว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ ต้องการสินค้าอะไรเพิ่มเติม ข้อมูลจากลูกค้าใช้ปรับกลยุทธ์ได้ดีที่สุด
🌟 สร้างความแตกต่างด้วยราคาและบริการ – ทำให้ลูกค้าจำได้
นอกจากราคาที่เหมาะสม ต้องมีบริการพิเศษที่ทำให้ลูกค้าจำได้ เช่น การรับประกันสินค้า การแลกเปลี่ยนหากไม่พอใจ การจัดส่งฟรีในตลาด การให้คำปรึกษาการใช้งาน หรือการบริการหลังการขาย สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายราคาแพงกว่าคู่แข่ง 15-20%
สร้างบรรยากาศและประสบการณ์การซื้อที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาดี ให้ลองสินค้าก่อนซื้อ มีที่นั่งพักให้ลูกค้า เล่นเพลงเบาๆ จัดแสดงสินค้าสวยงาม ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและกลับมาซื้อซ้ำ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีค่ามากกว่าการขายแค่ครั้งเดียว
🎯 สรุป: เส้นทางสู่ความสำเร็จในตลาดนัด
การตั้งราคาที่ดีคือการผสมผสานระหว่างการคำนวณ การเข้าใจลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มกำไรและสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
จำไว้ว่า: ทุกพ่อค้าแม่ค้าที่ประสบความสำเร็จเคยเริ่มต้นเหมือนคุณ ความแตกต่างอยู่ที่ความอดทนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เริ่มนำไปใช้วันนี้แล้วปรับปรุงไปเรื่อยๆ ความสำเร็จรอคุณอยู่!
ติดตามเทคนิคการขายและเคล็ดลับธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา
Leave a comment