แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ธุรกิจเสริมรวย-เข้าคู่ทุกเมนูอาหาร
แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจแฟรนไชส์อาหารที่หลายคนสนใจอยากเข้ามามีส่วนรวมในชิ้นเค้กก้อนนี้ ทั้งผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจมาลงทุนสร้างรายได้หรือความมั่นคงในชีวิต หรือนักธุรกิจที่ต้องการออกแฟรนไชส์ใหม่ๆ มาแบ่งส่วนตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม เหตุที่เป็นแบบนี้นั้นอาจจะเป็นเพราะว่า หมูสะเต๊ะเป็นอาหารที่ทานง่าย มีโอกาสขายได้หลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขายคู่กับอาหารหลักต่างๆ เช่น อาหารตามสั่ง เมนูกับข้าว หรือจะซื้อกลับบ้าน ขายแบบกล่องโฟมทานเล่น ก็มีให้เห็นกันทั่วไป
Advertisements
สภาพตลาดของหมูสะเต๊ะในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นร้านน้อยร้านใหญ่ แต่ร้านที่คนส่วนใหญ่นิยมนั้นก็ยังคงเป็นร้านที่มีชื่อเสียงทางด้านหมูสะเต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นย่านเยาราช ตรอกสุกร บรรทัดทอง คลองเตยหรือในต่างจังหวัดบางที่ ซึ่งสิ่งที่หากเป็นคนที่เคยได้ไปลิ้มรสชาติทุกเจ้ามาแล้วต้องสัมผัสได้คือ ความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเนื้อหมูสะเต๊ะเอง หรือน้ำจิ้มก็ไม่เหมือนกัน บางร้านมีกลิ่นหอมไหม้ บางร้านอ่อนนุ่มชุ่มช่ำถึงเนื้อใน และแน่นอนว่าหากเปรียบเทียบคุณภาพกับร้านเล็กๆ หรือไม่มีชื่อเสียงนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมากทีเดียว โดยที่แลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูงต่อไม้

แต่กลับกันร้านที่ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ที่มีอยู่ในตลาดนั้นยังมีไม่ค่อยมาก ทั้งๆ ที่จากการสังเกตโดยทั่วไปแล้วก็เห็นร้านขายหมูสะเต๊ะ ทั้งแบบที่เป็นร้านแยกออกมาต่างหาก หรือขายเสริมคู่กับอาหารอื่นๆ ที่เห็นบ่อยมากที่สุดจะเป็นคู่กับก๋วยเตี๋ยวแถบจะทุกรูปแบบ และที่สำคัญคือมีขายทุกสถานที่เลย เช่น ตลาดน้ำเกือบทุกที่จะมีอย่างน้อยหนึ่งร้าน ศูนย์อาหารที่ปิ้งย่างควันได้ ตลาดนัด แห่งชุมชน หรือแม้แต่ริมทะเลก็มีหลายแห่ง บางแห่งเป็นอาหารคู่แข่งกับไก่ย่างเลยทีเดียว โดยร้านต่างๆ ที่กล่าวมานั้นเป็นร้านในรูปแบบของแฟรนไชส์น้อยมาก
โอกาสและความเป็นไปได้

สำหรับ “แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ” นั้นหากพิจารณาถึงพฤติกรรมผู้ซื้อแล้ว เป็นแฟรนไชส์ที่เหมาะที่จะซื้อไปเสริมกับธุรกิจหลักเป็นอย่างมาก โดยที่
1. เพิ่มลูกค้าเข้าร้าน ลูกค้าจะคิดว่าร้านนี้มีของกินให้เลือกหลายอย่าง แม้จะขายหมูสะเต๊ะได้น้อยแต่ก็ทำให้ถึงลูกค้าเข้ามาซื้ออย่างอื่นได้ก็พอ แล้วค่อยควบคุมสต๊อคหรือพนักงานให้เหมาะสม
2. เพิ่มรายได้เป็นธุรกิจเสริมที่ดี เพราะร้านอาหารนั้นต้องมีคนมาทานอาหารอยู่แล้วนั่นเอง
3. อีกทั้งยังไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเอง ลดขั้นตอนการทำงานได้ดี
แต่กระนั่นสำหรับผู้ที่ไม่มีร้านอาหารส่วนตัวต้องการเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ใช่ไม่เหมาะซะทีเดียว สิ่งที่ต้องคิดอย่างหนักกว่าก็คือการหาทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม โดยอาจจะอ้างอิงจากข้างต้นแล้ว
1. กลยุทธ์เหาฉลาม โดยไปเปิดข้างๆ ร้านอาหารที่มีคนเข้าร้านเยอะ หนาแน่น หรือร้านที่มีชื่อเสียง
2. เปิดในแหล่งที่มีร้านอาหารอื่นๆ หลายชนิด เช่น ศูนย์อาหาร
รูปแบบธุรกิจของหมูสะเต๊ะ
1. ขายแฟรนไชส์หมู จัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับสมาชิกแฟรนไชส์
2. ขายส่งหมูสะเต๊ะ ไม่ต้องจัดทำระบบถึงแฟรนไชส์ สร้างแบนด์เน้นขายส่งอย่างเดียว
3. ขายหมูสะเต๊ะเอง ทำเองขายเอง ควบคุมจัดการธุรกิจด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ต้องแคร์ใคร
|
ก่อนจะตัดสินใจซื้อ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ หรือสร้างขึ้นมาเองควรทำอย่างไร ต้องตัดสินในก่อนว่าจะทำเองไม่จะซื้อแฟรนไชส์ จึงทั้งสองทางเลือกก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน และเรื่องที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ “เวลา” ทั้งเวลาในการพัฒนาสูตร ตั้งแต่เริ่มหาสูตร การหาแหล่งวัตถุดิบ การรักษาคุณภาพ กรรมวิธีการทำ และอีกสารพัดอย่างที่ไม่สามารถใช้ทางลัดข้ามเวลาไปได้ รองลงมาก็เป็นเรื่องของทุนทรัพย์ที่ต้องใช้ไประหว่างการพัฒนาตลอดจนการประชาสัมพันธ์ จนทำให้บางคนหันไปหาทางเลือกของแฟรนไชส์ซึ่งมีโอกาสและเข้าถึงได้รวดเร็วกว่า ดังนั้นผู้ที่สนใจในรูปแบบของ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ควรทำเบื้องต้นก็คือ 1. ทดสอบชิม แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ “ทุกร้าน” ที่มีอยู่ในตลาดและบันถึงความแตกต่างของรสชาติ แล้วนำมาเรียงตามความชอบส่วนตัวจากมากไปน้อย (โดยที่ควรเสาะหาทำเลใหม่ๆ ไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า) งบประมาณ 1,xxx-2x,xxx บาท ตามรูปแบบแพคเกจแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะแต่ละแห่งเจ้า |
“การทำอาหารให้อร่อยใช้ทั้งใจและจินตนาการ“
สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดแฟรนไชส์สะเต๊ะหรือทำร้านหมูสะเต๊ะเอง
หมูสะเต๊ะนั้นมีส่วนประกอบหลักด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ หมูสะเต๊ะ น้ำจิ้ม และอาจาด
1. หมูสะเต๊ะ จะมีเทคนิคการทำของแต่ละคนที่อาจจะแตกต่างกันไปตามความชำนาญ ประสบการณ์และการคิดค้นพัฒนาสูตรซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เช่น สูตรน้ำหมัก เวลาในการหนัก เทคนิคการหมัก วิธีการใช้ไฟ การควบคุมอุณหภูมิการในปิ้ง ระยะเวลาปิ้ง เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีผลกับเนื้อหมูมาก ถ้าหมักผิดสูตรอาจทำให้หมูแข็งเกินไปหรืออ่อนยุ่ยไม่อร่อย
2. น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดเวลาทานหมูสะเต๊ะ และวิธีการทำนั้นออกจะไม่ยากแต่ทำให้มีเอกลักษณ์นั้นค่อนข้างยากทีเดียว แอดมันเคยดูเพื่อนที่เป็นเชฟโรงแรมระดับห้าดาวในพัทยาแห่งหนึ่ง มาทำให้ดูที่บ้าน จากที่ดูขั้นตอนและฟังเพื่อนเล่าให้ฟังก็ดูออกจะง่ายแต่รสชาติที่ได้ไม่เหมือนกับที่อื่น เขาบอกว่าหัวใจสำคัญของน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะนั้นอยู่ที่พริกแกงที่ใช้ (ร้านชื่อดังส่วนใหญ่จะทำพริกแกงเองทั้งนั้น)
3. อาจาด หรือผักที่ทานเคียงกับหมูสะเต๊ะนั่นเอง ประกอบไปด้วย แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้า

วิธีการทำหมูสะเต๊ะ
วัตถุดิบหมูสะเต๊ะ การเพิ่มจำนวนให้เพิ่มตามมาตราส่วน
– หมูสันนอก 0.5 กิโล
– รากผักชีสับหยาบ 1.5ช้อนโต๊ะ
– ข่าสับหยาบ 1 ช้อนชา
– ตะไคร้ซอย 1.5ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1.5ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– หัวกะทิ 1 ถ้วย (หรือ 240 กรัม)
– ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
– ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
– น้ำสัปปะรด 1.5 ช้อนโต๊ะหรือผงฟู 0.5 ช้อนชา การหมักส่วนนี้เป็นการช่วยให้หมูหนุ่มซึ่งมีเวลาที่เหมาะสมแตกต่างกันตามของที่หมัก
|
วิธีการทำหมูสะเต๊ะ ให้น้ำรากผักชีสับ ข่าสับ ตะไคร้ซอยมาตำรวมกันโดยโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำน้ำตาล เกลือป่น หัวกะทิ ผงขมิ้น ผงกะหรี่ มาคลุกเคล้ารวมกันให้เข้าที่มากที่สุด แล้วค่อยนำเนื้อหมูสันนอกมาคลุกเคล้าโดยการ “นวด” เพื่อให้น้ำหมักซึมเข้าเนื้อได้อย่างทั่วถึง ทิ้งไว้ในตู้เย็นช่องฟรีซ 3-5 ชั่วโมง (การหมักด้วยผงฟูหรือน้ำสัปปะรถควรระวังเรื่องสัดส่วนและเวลาในการหมักเพราะอาจจะทำให้หมูยุ่ยเละไม่น่าทาน) น้ำพรมหมูสะเต๊ะใช้นมสดผสมหัวกะทิที่อัตราส่วนเท่าๆ กัน |
Advertisements
วัตถุดิบทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
– พริกแกง 3 ช้อนโต๊ะ (ควรหัดทำเองจะได้คุณภาพและรสชาติที่ดีกว่า แต่มือใหม่ซื้อเอาก่อนก็ได้)
– ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบครึ่งถ้วย (ควรคั่วเอง เพราะถั่วทั่วไปเก็บความชื้นง่าย หากไม่สดใหม่จะมีกลิ่นหืนและมีรา และหากป่นให้ละเอียดจนเกินไปจะทำให้น้ำจิ้มเละจนเกินไป ทำให้เป็นเนื้อเดียวกันคล้ายขนมไทยบางชนิด)
– กะทิสด 2 ถ้วยตวง (หรือ 480 กรัม)
– น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ (น้ำใช้น้ำตาลทรายจะทำให้น้ำจิ้มหวานแหลม เวลาทานจะเลี่ยนเกินไป)
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
|
วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ก่อนอื่นให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันไฟกลางค่อนแรง จากนั้นนำพริกแกงใส่พร้อมกับหรี่ไฟอ่อน ผัดให้เข้ากันจน เสร็จแล้วใส่กะทิและถั่วลิสงลงไปพร้อมเร่งไฟขึ้นเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนกะทิแตกมันแล้วค่อยใส่เครื่องปรุงที่เหลือไปผสมให้เข้ากันทั่ว ลดไฟอ่อนเคี่ยวจนให้พอข้นไม่เหลวหรือเหนียวจนเกินไป (หากสีอ่อนไป ไม่แดงอมเหลืองสามารถแต่งสีด้วยผงกระหรี่ได้เล็กน้อย แต่ห้ามเยอะเกินไปเพราะกลิ่นจะแรงโดดออกมา) |
recommended รสชาติที่พอดีควรไปสำรวจตลาดเองว่าร้านดังๆ เขามีรสชาติเป็นอย่างไร แล้วเราจะนำมาพัฒนาให้เป็นสูตรของตัวเองได้อย่างไร
วัตถุดิบอาจาด
– น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง (8ช้อนโต๊ะ)
– น้ำตาลทราย 5-6 ช้อนโต๊ะ (ชิมก่อนเพิ่มทีหลัง)
– น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– แตงกวาเล็กหันซอย 1 ถ้วย
– พริกชี้ฟ้าซอย 2-4 เม็ด เพื่อแต่งสีสัน
– หอมแดงซอย 1-2 หัว ตามขนาดเล็กใหญ่หอมแดง จะเพิ่มหรือลดก็ได้ตามความสวยงาม
|
วิธีทำอาจาดหมูสะเต๊ะ ต้มน้ำเปล่า+น้ำส้มสายชูให้ร้อน แล้วเคี่ยวด้วยน้ำตาลทราย เกลือด้วยไฟอ่อนๆ จนพอเหนียว ชิมรสชาติ จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้ความร้อนคลายตัวก็สามารถไปราดบนผักที่เตรียมพร้อมเสริฟไว้ได้เลย |










