bannera1
แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ

แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ธุรกิจเสริมรวย-เข้าคู่ทุกเมนูอาหาร

        แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจแฟรนไชส์อาหารที่หลายคนสนใจอยากเข้ามามีส่วนรวมในชิ้นเค้กก้อนนี้  ทั้งผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจมาลงทุนสร้างรายได้หรือความมั่นคงในชีวิต หรือนักธุรกิจที่ต้องการออกแฟรนไชส์ใหม่ๆ มาแบ่งส่วนตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม เหตุที่เป็นแบบนี้นั้นอาจจะเป็นเพราะว่า หมูสะเต๊ะเป็นอาหารที่ทานง่าย มีโอกาสขายได้หลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขายคู่กับอาหารหลักต่างๆ เช่น อาหารตามสั่ง เมนูกับข้าว หรือจะซื้อกลับบ้าน ขายแบบกล่องโฟมทานเล่น ก็มีให้เห็นกันทั่วไป





Advertisements

        สภาพตลาดของหมูสะเต๊ะในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นร้านน้อยร้านใหญ่ แต่ร้านที่คนส่วนใหญ่นิยมนั้นก็ยังคงเป็นร้านที่มีชื่อเสียงทางด้านหมูสะเต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นย่านเยาราช ตรอกสุกร บรรทัดทอง คลองเตยหรือในต่างจังหวัดบางที่ ซึ่งสิ่งที่หากเป็นคนที่เคยได้ไปลิ้มรสชาติทุกเจ้ามาแล้วต้องสัมผัสได้คือ ความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเนื้อหมูสะเต๊ะเอง หรือน้ำจิ้มก็ไม่เหมือนกัน บางร้านมีกลิ่นหอมไหม้ บางร้านอ่อนนุ่มชุ่มช่ำถึงเนื้อใน และแน่นอนว่าหากเปรียบเทียบคุณภาพกับร้านเล็กๆ หรือไม่มีชื่อเสียงนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมากทีเดียว โดยที่แลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูงต่อไม้

แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ

        แต่กลับกันร้านที่ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ที่มีอยู่ในตลาดนั้นยังมีไม่ค่อยมาก ทั้งๆ ที่จากการสังเกตโดยทั่วไปแล้วก็เห็นร้านขายหมูสะเต๊ะ ทั้งแบบที่เป็นร้านแยกออกมาต่างหาก หรือขายเสริมคู่กับอาหารอื่นๆ ที่เห็นบ่อยมากที่สุดจะเป็นคู่กับก๋วยเตี๋ยวแถบจะทุกรูปแบบ และที่สำคัญคือมีขายทุกสถานที่เลย เช่น ตลาดน้ำเกือบทุกที่จะมีอย่างน้อยหนึ่งร้าน ศูนย์อาหารที่ปิ้งย่างควันได้ ตลาดนัด แห่งชุมชน หรือแม้แต่ริมทะเลก็มีหลายแห่ง บางแห่งเป็นอาหารคู่แข่งกับไก่ย่างเลยทีเดียว โดยร้านต่างๆ ที่กล่าวมานั้นเป็นร้านในรูปแบบของแฟรนไชส์น้อยมาก
โอกาสและความเป็นไปได้

แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ

สำหรับ “แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ” นั้นหากพิจารณาถึงพฤติกรรมผู้ซื้อแล้ว เป็นแฟรนไชส์ที่เหมาะที่จะซื้อไปเสริมกับธุรกิจหลักเป็นอย่างมาก โดยที่
        1. เพิ่มลูกค้าเข้าร้าน ลูกค้าจะคิดว่าร้านนี้มีของกินให้เลือกหลายอย่าง แม้จะขายหมูสะเต๊ะได้น้อยแต่ก็ทำให้ถึงลูกค้าเข้ามาซื้ออย่างอื่นได้ก็พอ แล้วค่อยควบคุมสต๊อคหรือพนักงานให้เหมาะสม
        2. เพิ่มรายได้เป็นธุรกิจเสริมที่ดี เพราะร้านอาหารนั้นต้องมีคนมาทานอาหารอยู่แล้วนั่นเอง
        3. อีกทั้งยังไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบเอง ลดขั้นตอนการทำงานได้ดี

แต่กระนั่นสำหรับผู้ที่ไม่มีร้านอาหารส่วนตัวต้องการเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ใช่ไม่เหมาะซะทีเดียว สิ่งที่ต้องคิดอย่างหนักกว่าก็คือการหาทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม โดยอาจจะอ้างอิงจากข้างต้นแล้ว
        1. กลยุทธ์เหาฉลาม โดยไปเปิดข้างๆ ร้านอาหารที่มีคนเข้าร้านเยอะ หนาแน่น หรือร้านที่มีชื่อเสียง
        2. เปิดในแหล่งที่มีร้านอาหารอื่นๆ หลายชนิด เช่น ศูนย์อาหาร

รูปแบบธุรกิจของหมูสะเต๊ะ

1. ขายแฟรนไชส์หมู จัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับสมาชิกแฟรนไชส์
2. ขายส่งหมูสะเต๊ะ ไม่ต้องจัดทำระบบถึงแฟรนไชส์ สร้างแบนด์เน้นขายส่งอย่างเดียว
3. ขายหมูสะเต๊ะเอง ทำเองขายเอง ควบคุมจัดการธุรกิจด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ต้องแคร์ใคร

 

ก่อนจะตัดสินใจซื้อ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ หรือสร้างขึ้นมาเองควรทำอย่างไร

ต้องตัดสินในก่อนว่าจะทำเองไม่จะซื้อแฟรนไชส์ จึงทั้งสองทางเลือกก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน และเรื่องที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ “เวลา” ทั้งเวลาในการพัฒนาสูตร ตั้งแต่เริ่มหาสูตร การหาแหล่งวัตถุดิบ การรักษาคุณภาพ กรรมวิธีการทำ และอีกสารพัดอย่างที่ไม่สามารถใช้ทางลัดข้ามเวลาไปได้ รองลงมาก็เป็นเรื่องของทุนทรัพย์ที่ต้องใช้ไประหว่างการพัฒนาตลอดจนการประชาสัมพันธ์ จนทำให้บางคนหันไปหาทางเลือกของแฟรนไชส์ซึ่งมีโอกาสและเข้าถึงได้รวดเร็วกว่า ดังนั้นผู้ที่สนใจในรูปแบบของ แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ ควรทำเบื้องต้นก็คือ

     1. ทดสอบชิม แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ “ทุกร้าน” ที่มีอยู่ในตลาดและบันถึงความแตกต่างของรสชาติ แล้วนำมาเรียงตามความชอบส่วนตัวจากมากไปน้อย (โดยที่ควรเสาะหาทำเลใหม่ๆ ไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า)
    2. สังเกตจำนวนลูกค้าที่เข้าร้าน เปรียบเทียบทุกแฟรนไชส์โดยที่ปัจจัยแวดล้อมใกล้เคียงกันมากที่สุด เช่น เวลาใกล้เคียงกัน ทำเลที่กลุ่มลูกค้าคล้ายกันเป็นต้น แล้วนำมาเรียงตามจำนวนจากมากไปน้อย
    3. ติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ จากเจ้าของแฟรนไชส์โดยตรง หาจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละแฟรนไชส์ แล้วนำมาประเมินความเป็นไปได้
    4. วิธีอื่นๆ ตามเทคนิคการหรือความชอบส่วนตัว

งบประมาณ 1,xxx-2x,xxx บาท ตามรูปแบบแพคเกจแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะแต่ละแห่งเจ้า

การทำอาหารให้อร่อยใช้ทั้งใจและจินตนาการ

สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดแฟรนไชส์สะเต๊ะหรือทำร้านหมูสะเต๊ะเอง

หมูสะเต๊ะนั้นมีส่วนประกอบหลักด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ หมูสะเต๊ะ น้ำจิ้ม และอาจาด
        1. หมูสะเต๊ะ จะมีเทคนิคการทำของแต่ละคนที่อาจจะแตกต่างกันไปตามความชำนาญ ประสบการณ์และการคิดค้นพัฒนาสูตรซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน เช่น สูตรน้ำหมัก เวลาในการหนัก เทคนิคการหมัก วิธีการใช้ไฟ การควบคุมอุณหภูมิการในปิ้ง ระยะเวลาปิ้ง เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีผลกับเนื้อหมูมาก ถ้าหมักผิดสูตรอาจทำให้หมูแข็งเกินไปหรืออ่อนยุ่ยไม่อร่อย
        2. น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดเวลาทานหมูสะเต๊ะ และวิธีการทำนั้นออกจะไม่ยากแต่ทำให้มีเอกลักษณ์นั้นค่อนข้างยากทีเดียว แอดมันเคยดูเพื่อนที่เป็นเชฟโรงแรมระดับห้าดาวในพัทยาแห่งหนึ่ง มาทำให้ดูที่บ้าน จากที่ดูขั้นตอนและฟังเพื่อนเล่าให้ฟังก็ดูออกจะง่ายแต่รสชาติที่ได้ไม่เหมือนกับที่อื่น เขาบอกว่าหัวใจสำคัญของน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะนั้นอยู่ที่พริกแกงที่ใช้ (ร้านชื่อดังส่วนใหญ่จะทำพริกแกงเองทั้งนั้น)
        3. อาจาด หรือผักที่ทานเคียงกับหมูสะเต๊ะนั่นเอง ประกอบไปด้วย แตงกวา หอมแดง พริกชี้ฟ้า

แฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ

วิธีการทำหมูสะเต๊ะ

วัตถุดิบหมูสะเต๊ะ การเพิ่มจำนวนให้เพิ่มตามมาตราส่วน
        – หมูสันนอก 0.5 กิโล
        – รากผักชีสับหยาบ 1.5ช้อนโต๊ะ
        – ข่าสับหยาบ 1 ช้อนชา
        – ตะไคร้ซอย 1.5ช้อนโต๊ะ
        – น้ำตาลทราย 1.5ช้อนโต๊ะ
        – เกลือป่น 1 ช้อนชา
        – หัวกะทิ 1 ถ้วย (หรือ 240 กรัม)
        – ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
        – ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
        – น้ำสัปปะรด 1.5 ช้อนโต๊ะหรือผงฟู 0.5 ช้อนชา การหมักส่วนนี้เป็นการช่วยให้หมูหนุ่มซึ่งมีเวลาที่เหมาะสมแตกต่างกันตามของที่หมัก

วิธีการทำหมูสะเต๊ะ ให้น้ำรากผักชีสับ ข่าสับ ตะไคร้ซอยมาตำรวมกันโดยโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำน้ำตาล เกลือป่น หัวกะทิ ผงขมิ้น ผงกะหรี่ มาคลุกเคล้ารวมกันให้เข้าที่มากที่สุด แล้วค่อยนำเนื้อหมูสันนอกมาคลุกเคล้าโดยการ “นวด” เพื่อให้น้ำหมักซึมเข้าเนื้อได้อย่างทั่วถึง ทิ้งไว้ในตู้เย็นช่องฟรีซ 3-5 ชั่วโมง (การหมักด้วยผงฟูหรือน้ำสัปปะรถควรระวังเรื่องสัดส่วนและเวลาในการหมักเพราะอาจจะทำให้หมูยุ่ยเละไม่น่าทาน)

น้ำพรมหมูสะเต๊ะใช้นมสดผสมหัวกะทิที่อัตราส่วนเท่าๆ กัน
จากนั้นมาเสียบไม้เตรียมปิ้งโดยใช้ “ไฟกลาง-แรง” เพื่อให้หมูสุกเร็วโดยที่ยังมีความนุ่มอยู่โดยใช้น้ำพรมให้นมและกะทิเคลือบหมูให้ดูเงามันน่ารับประทาน ห้ามใช้ไฟอ่อนเด็ดขาด หมูจะแห้งแข็งเพราะความชุ่มช่ำข้างในเนื้อหมูจะระเหยไปหมด

 





Advertisements

วัตถุดิบทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
        – พริกแกง 3 ช้อนโต๊ะ (ควรหัดทำเองจะได้คุณภาพและรสชาติที่ดีกว่า แต่มือใหม่ซื้อเอาก่อนก็ได้)
        – ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบครึ่งถ้วย (ควรคั่วเอง เพราะถั่วทั่วไปเก็บความชื้นง่าย หากไม่สดใหม่จะมีกลิ่นหืนและมีรา และหากป่นให้ละเอียดจนเกินไปจะทำให้น้ำจิ้มเละจนเกินไป ทำให้เป็นเนื้อเดียวกันคล้ายขนมไทยบางชนิด)
        – กะทิสด 2 ถ้วยตวง (หรือ 480 กรัม)
        – น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ (น้ำใช้น้ำตาลทรายจะทำให้น้ำจิ้มหวานแหลม เวลาทานจะเลี่ยนเกินไป)
        – เกลือป่น 1 ช้อนชา
        – น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
        – น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ก่อนอื่นให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันไฟกลางค่อนแรง จากนั้นนำพริกแกงใส่พร้อมกับหรี่ไฟอ่อน ผัดให้เข้ากันจน เสร็จแล้วใส่กะทิและถั่วลิสงลงไปพร้อมเร่งไฟขึ้นเล็กน้อย คนให้เข้ากันจนกะทิแตกมันแล้วค่อยใส่เครื่องปรุงที่เหลือไปผสมให้เข้ากันทั่ว ลดไฟอ่อนเคี่ยวจนให้พอข้นไม่เหลวหรือเหนียวจนเกินไป (หากสีอ่อนไป ไม่แดงอมเหลืองสามารถแต่งสีด้วยผงกระหรี่ได้เล็กน้อย แต่ห้ามเยอะเกินไปเพราะกลิ่นจะแรงโดดออกมา)

recommended รสชาติที่พอดีควรไปสำรวจตลาดเองว่าร้านดังๆ เขามีรสชาติเป็นอย่างไร แล้วเราจะนำมาพัฒนาให้เป็นสูตรของตัวเองได้อย่างไร

วัตถุดิบอาจาด
        – น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง (8ช้อนโต๊ะ)
        – น้ำตาลทราย 5-6 ช้อนโต๊ะ (ชิมก่อนเพิ่มทีหลัง)
        – น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง
        – เกลือป่น 1 ช้อนชา
        – แตงกวาเล็กหันซอย 1 ถ้วย
        – พริกชี้ฟ้าซอย 2-4 เม็ด เพื่อแต่งสีสัน
        – หอมแดงซอย 1-2 หัว ตามขนาดเล็กใหญ่หอมแดง จะเพิ่มหรือลดก็ได้ตามความสวยงาม

วิธีทำอาจาดหมูสะเต๊ะ ต้มน้ำเปล่า+น้ำส้มสายชูให้ร้อน แล้วเคี่ยวด้วยน้ำตาลทราย เกลือด้วยไฟอ่อนๆ จนพอเหนียว ชิมรสชาติ จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้ความร้อนคลายตัวก็สามารถไปราดบนผักที่เตรียมพร้อมเสริฟไว้ได้เลย

copyright

ผู้สนับสนุน หมวดแฟรนไชส์

bannera1

Leave a comment

E-mail ของคุณจะไม่แสดงขึ้นมาก.


*

กรอกเป็นตัวเลข * Time limit is exhausted. Please reload the CAPTCHA.