หาของขายตลาดนัด ทำได้ตามนี้ เงินล้าน...ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

หาของขายตลาดนัด ทำได้ตามนี้ เงินล้าน…ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

หาของขายตลาดนัด ทำได้ตามนี้  เงินล้าน…ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

     “จะขายอะไรดี จะเอาไรดีมาขาย อยากจะไปของตามตลาดนัดเราควรจะขายอะไร”  คำพูดที่มักได้ยินบ่อยๆ  จนทำให้วันนี้ผู้เขียน ต้องมานั่งเขียนเพื่อพอเป็นแนวทาง ในกระบวนความคิดของผู้ที่อยากขายของตามตลาดนัด หรือที่อื่นๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนมาใช้งานได้ตามความเหมาะสม  เรื่องการจะหาของอะไรมาขายดีนั้น ก็น่าจะมีหลักในการคิด เพื่อจะได้มาซึ่งสินค้าที่ถูกต้อง เพื่อจะได้ซึ่งสินค้าที่ขายดี  โดยจะแบ่งเป็น 2 หัวข้อใหญ่ดังนี้





Advertisements

หาของขายตลาดนัด สามารถหามาได้หลายแบบ หลายวิธี แต่อาจพอแยกได้ประมาณ 2-3 วิธี ดังนี้

1) หาของขายตลาดนัด โดยการไปรับมาขาย
     จากแหล่งขายส่งต่างๆ  แล้วแต่ตัวสินค้าที่เราต้องการขาย โดยส่วนใหญ่แล้ว แหล่งค้าส่งต่างๆ จะแยกประเภทสินค้าโดยตัวมันเองอยู่แล้ว  เช่น  หากต้องการขายเสื้อผ้า แหล่งค้าส่งใหญ่ก็จะมีอยู่ 2-3 ที่ เช่น ตลาดโบ้เบ้,ใบหยก,แพทตินั่น,ประตูน้ำ แหล่งขายส่งพวกของประดับตกแต่ง,เครื่องประดับ ก็อาจไปดูที่ตลาดสำเพ็ง เป็นต้น (ทำเลขายของ.com)

     ฉะนั้นการรับของมาขายก็เป็นวิธีที่ดี และง่ายรวดเร็ว ไม่วุ่นวายในการผลิตขึ้นเอง แต่ก็ต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ดีด้วย เพราะผู้ขายค้าส่งบางเจ้าจะขายสินค้าในราคาถูกมาก  เพื่อจะได้เรียกลูกค้ามาซื้อสินค้าให้ได้จำนวนมากๆ  และก็อยากให้ได้กำไรมากๆด้วย   ผู้ที่ขายส่งบางเจ้า จึงอาจลดคุณภาพวัตถุดิบให้ต่ำลง  ทั้งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดของเขาเหมือนกัน ฉะนั้น การ หาของขายตลาดนัด จะต้องตรวจสอบทั้ง “คุณภาพ” และ “ราคา” ให้สอดคล้อยกันอย่างที่สุด.

หาของขายตลาดนัด
บรรยากาศสบายๆ

2) หาของขายตลาดนัด โดยการผลิตขึ้นเอง อาจแบ่งออกได้เป็น
     ผลิตขึ้นด้วยมือเอง 100%  แบบทุกขั้นตอนที่ผ่านการทำจากแรงงานคน ต้องใช้ฝีมือเฉพาะด้าน ทักษะเฉพาะตัว ของแต่ละบุคคล ที่อาจต้องฝึกฝน อบรบ และส่งต่อทักษะด้านฝีมือ จากคนหนึ่งให้แก่อีกคนหนึ่ง เพื่อจะผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
     ข้อดี ของการ  ” หาของขายตลาดนัด ” แบบนี้ก็คือ ลงทุนน้อย สินค้ามีความเอกลักษณ์ มีเสน่ห์เฉพาะตัว ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานฝีมือ ที่ชาวต่างชาติจะชื่นชอบมาก และให้ราคาดีมากด้วย
     ข้อเสีย ก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือ ผลิตได้จำนวนน้อย  การควมคุมคุณภาพต้องดูแลอย่างใกล้ชิด แรงงานหายากขึ้นทุกวัน และต้องฝึกฝนให้ชำนาญอีกด้วย เมื่อเป็นแล้วอาจออกไปทำเอง ฉะนั้นต้องสร้างแรงจูงใจ ค่าตอบแทนที่ดี ให้กับพวกเขาด้วย

 หาของขายตลาดนัด
หลากหลายผลิตภัณฑ์

3) หาของขายตลาดนัด แบบซื้อแฟรนไชส์
     ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะทุกอย่างสำเร็จรูป แต่มันจะสำเร็จเหมือน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”  หรือเปล่านั้น ก็ต้องมาดูกัน… หากพิจารณาถึงความรวดเร็ว ความพร้อมของตัวสินค้า คุณภาพสินค้า ความพร้อมของรูปลักษณ์ของตัวร้านแล้ว  ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เป็นตัวเลือกในการ “หาของขายตลาดนัด” ที่น่าสนใจ
     แต่ก็ควร  “วิเคราะห์”  พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ  ถึงเรื่องนโยบายของเจ้าของแฟรนไชส์ เช่น จำนวนสาขาที่เปิด การไม่ทับซ้อนการขาย การช่วยเหลือผู้ซื้อแฟรนไชส์หลังการขาย การทำประชาสัมพันธ์ การควบคุมคุณภาพ และราคาแฟรนไชส์ที่เหมาะสม อีกทั้งต้องคิดถึงเรื่องความคุ้มค่าในการลงซื้อแฟรนไชส์ด้วย(ทำเลขายของ.com)

4) หาของขายตลาดนัด แบบนำเข้ามาจากต่างประเทศ
     ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งการนำเข้าด้วยตนเอง หรือผ่านตัวแทนการนำเข้า ที่มีอยู่มากมายหลายเจ้า โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำเข้า จากประเทศจีน,ประเทศญี่ปุ่น,และประเทศเกาหลี เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันจะสะดวกมาก สามารถดูรูปสินค้า,ขนาด,สี ของตัวสินค้าที่ต้องนำเข้ามาขายได้เลย แต่ก็ต้องพิจารณาราคาในการนำเข้าของแต่ละเจ้าด้วย การดูแลสินค้าในขั้นตอนการจัดส่ง ระยะเวลาในการส่งมอบต่อรอบการสั่งซื้อ
     เว็บที่นิยมในการดูสินค้าจากประเทศจีน คือ taobao ทั้งนี้จะมีตัวกลางในการนำเข้าหลายผู้ประกอบการมาก ซึ่งต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
     ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการหาความรู้ ความชำนาญ สักระยะหนึ่ง เมื่อเกิดความชำนาญความเข้าใจแล้ว ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการ หาของขายตลาดนัด ได้เป็นอย่างดี

 หาของขายตลาดนัด
หนุมาน & ทศกันฐ์

เทคนิคการ หาของขายตลาดนัด ให้สินค้าโดนใจ ให้ขายได้ขายดี
     การหาของขายตลาดนัดไม่เพียงแต่จะหาช่องทางในการหาของมาขายเท่านั้นก็พอ  ต้องรู้ด้วยว่าสินค้าที่นำมาขายนั้นจะขายได้ไหม “อ้าวแล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า อะไรที่จะทำให้ขายได้ หรือขายไม่ได้”   ก็คงต้องพิจารณาจาก “ภายนอกสู่ภายใน”  หรือที่พวกกูรู้เขาชอบเรียกว่า “Out Side In” แต่อาจจะกล่าวแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ดูตั้งแต่ที่ไกลตัวเรามากที่สุด แล้วค่อยๆไล่มาสู่ใกล้ตัวเรา  อ้าวก็ยัง..งง  อยู่ดีนั่นหล่ะ แยกเป็นหัวข้อเลยดีกว่ามั้ง…

จากภายนอก

     1) ลูกค้า : เราควรรู้จักลูกค้าของเราให้ถึงที่สุด เอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือถ้าไปนั่งในใจเขาได้เลยนั้น ถือว่า  “สุดยอด” แต่ก็เอาแบบประมาณการก่อนก็ได้ เช่น ลูกค้าของคุณ มีช่วงอายุเท่าไหร่ อยู่ในวัยไหน มีอาชีพอะไร รายได้เท่าไหร่ ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย หรือ เพศที่สาม ก็ขอให้กำหนดลงไปให้ชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนด ทุกๆสิ่งเป็นอันดับต่อมา
     2) ทำเล : เมื่อรู้แล้วว่าลูกค้าเราคือใคร ทำอะไร ที่ไหน ก็มาดูว่าเขาเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนบ้าง เราก็ไปอยู่ข้างๆเขาเลย เช่น ถ้าลูกค้าเราเป็น หญิงสาวสวยทำงานออฟฟิศ รายได้หมื่นกลางๆ เราก็ต้องไปหาที่ลงขายที่เป็น “ตลาดนัดออฟฟิศ” ทำเลขายของที่มีผู้หญิงทำงานเยอะๆ อาจเป็น ตลาดนัดข้างธนาคาร สาขาสำนักงานใหญ่ สาวๆเพียบเลย เช่น ตลาดนัดธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เป็นต้น(ทำเลขายของ.com)

สู่ภายใน

     1) สินค้า : เมื่อกำหนดลูกค้าแล้วว่าเป็นใคร ก็หาสินค้าที่ลูกค้าของเราต้องการ สินค้าที่ลูกค้าของเราชื่นชอบ มาขาย โดยการที่จะนำมาขายนั้น เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และ ความชอบในตัวสินค้าด้วย ที่สำคัญ…ต้องสินค้ามีคุณภาพ อาจไม่ใช่ของราคาแพงเสมอไป แต่ควรเป็นราคาที่เหมาะสมมากกว่า “ถ้าสินค้าโดนใจ ราคาโดนเธอ ทุกบาททุกสตางค์ก็เป็นของคุณ”

     2) รูปแบบของร้าน : การจัดองค์ประกอบของร้านก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน  ควรออกแบบภาพลักษณ์ของร้านให้อยู่ในรสนิยม เดียวกันกับลูกค้าที่เรากำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมาย สร้างบรรยากาศร้านให้มีตัวตนของลูกค้า เช่น โทนสี รูปแบบตัวหนังสือ ชื่อร้านโดนใจลูกค้า  เรียกได้ว่าทุกสิ่งจะแสดงตัวตนว่าเป็นพวกเดียวกันกับลูกค้าของเราหรือเปล่านั่นเอง





Advertisements

     สรุปการ หาของขายตลาดนัด นั้นก็ใช่เรื่องยากเกินไป แต่ก็ควรมีหลักในการพิจารณาด้วย เพื่อเพิ่มความสำเร็จในการขาย  เรื่องที่กล่าวมานี้อาจไม่ครอบคลุมทุกมิติของการหาของมาขายที่ตลาดนัด แต่ก็คงมีส่วนที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นค้าขาย  การขายของนั้นใครๆก็ขายได้ แต่จุดสำคัญการขายนั้นก็คือ  “การขายไม่ใช่ขายเพื่อให้ได้ซึ่งกำไร  แต่ขายเพื่อให้ได้ใจคน”  นี่ถึงเรียกว่าสุดยอดแห่งการขาย

เรื่องน่าสนใจ ขายของ “เงินล้าน”
     1. 10 ขั้นตอนการเตรียมตัว…ขายของตลาดนัด(อ่านจบคบไม่ได้)
     2. รวมไอเดียเจ๋งๆ สำหรับการ ขายของกินตลาดนัด ไอเดียที่คุณต้องลอง
     3. รวมเทคนิค ขายของกิน เคล็ดลับขายของกินอะไรดี 
     4. รวมธุรกิจ 100 ล้าน

รวมธุรกิจ 100 ล้าน คลิ๊กที่ภาพเลย
เสื้อผ้าออนไลน์ หนึ่งในธุรกิจ 100 ล้าน…

เขียนโดย อาซาดะ ริวอิจิ
ลิขสิทธิ์โดย อาซาดะ ริวอิจิ
ทำเลขายของ.com


 

ขายอะไรดี ? ที่หน้าโรงเรียน

    คำถามยอดฮิต… ขายอะไรดี วันนี้จะขอแยกแยะไปตามทำเลที่ขาย เพื่อง่ายต่อการเป็นไอเดียของเพื่อนๆ นะครับ  
ก่อนอื่นๆ…สำหรับคำถามที่ว่า “จะขายอะไรดี ที่หน้าโรงเรียน”  เราคงต้องมีคิดถึงกายภาพของทำเล และกายภาพของลูกค้า เป็นองค์ประกอบสำคัญ..กันก่อน ดังนี้

กายภาพของทำเล

    ทำเลหน้าโรงเรียน เป็นทำเลที่มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย เป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ที่มีภาพลักษณ์ของการเรียนรู้ มีการศึกษา มีความดี มีศีลธรรม เป็นภาพลักษณ์  สินค้าบ้างอย่างจึงต้องเว้นไม่ควรที่จะขาย สินค้าที่ไม่ควรขายในสถานที่นี้  ต้องพิจาณาให้ดี  “ห้ามเห็นแก่กำไร อย่างเดียว  ขอให้เห็นแก่อนาคตของชาติเป็นสำคัญ”

ทำเลนี้ ต้องเร็ว  ทำเลหน้าโรงเรียนมีเวลาจำกัดมาก  อาจมีแค่ 2-3 ชั่งโมงเท่านั้น  อาจขายได้ทั้งช่วงเช้า และ ช่วงเย็น ซึ่งสินค้าที่ขายก็ต่างกันออกไป เช่น

ช่วงเช้า:เร่งรีบ ของที่ขายดี ก็อย่างเช่น อาหารเช้าง่ายๆ เร็วๆ ได้คุณค่าด้วยยิ่งดี เช่น แซนวิส,ข้าวเหนียวหมูย่าง,ข้าวกล่องเด็ก
ช่วงเย็น:รีบเหมือนกัน แต่จะกลับบ้านแล้ว สินค้าขายดีในช่วงนี้ ก็อย่างเช่น อุปกรณ์เขียนสำหรับทำการบ้าน ,ขนมลองท้องก่อนจะถึงบ้าน โดนัท,ไข่นกกระทา,โรตีสายไหม เป็นต้น

กายภาพของลูกค้า

นักเรียนชั้นประถม : อายุ 6-12 ปี
เด็กเล็กเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การจะสื่อสารต้องเป็นข้อมูลสั้นๆ รวดเร็วเข้าใจ ร่างกายยังไม่มีภูมิต้านทานมาก ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย สินค้าที่จะขายต้องมีสีสัน-มีความสนุก , ปริมาณ-ขนาด พอเหมาะกับการบริโภค , ราคาไม่สูงเกินไป

นักเรียนชั้นมัธยม : อายุ 13-18 ปี
เด็กโตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น  การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีมากขึ้น ของที่แปลกและโดดเด่นไม่เหมือนใครจะขายดี  ต้องการมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง  เช่น จะขายปากกาหรือดินสอ ต้องมีลวดลายหรือไอเดียที่ต่างออกไป  เวลาที่นำไปใช้จะเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ  

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะครับ..

 

18 Comments on หาของขายตลาดนัด ทำได้ตามนี้ เงินล้าน…ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ

  1. หาของใช้ที่เป็นเครื่องมือช่าง

  2. อ่านแล้วดีมากเลย กำลังจะหาของขาย แต่ไม่รู้ว่าจะ “ขายอะไรดี” พออ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกว่าพอมาแนวทางในการทำธุรกิจส่วนตัว

    ขอบคุณค่ะ

  3. กำลังคิดว่าจะเริ่มทำอะไรให้ได้ซะอย่าง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาขาย หรือว่าจะ ขายอะไรดี แต่นี้ก็รู้สึกว่าจะหาของขายช่องทางไหนได้บ้าง

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ

  4. ออกจากงานมาแล้วหลายเดือน ยังไม่รู้ว่าจะ “ขายอะไรดี”
    จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เคยมีธุรกิจของตัวเองมาก่อนเลย เลย งงๆ…
    หาข้อมูลอยู่หลายอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร แต่ได้อ่านบทความนี้
    พอมีแนวให้เห็นบ้างแล้ว จะเริ่มจากเล็กๆ ก่อน แต่คงต้องดูว่าจะรับมา หรือ ผลิตเองดี
    ยังเลือกไม่ถูก แต่เดี๋ยวค่อยดูไป น่าจะพอเริ่มต้นได้แล้ว

    ขอบคุณมากค่ะ…

  5. ขายอะไรดี ที่ทำกำไร ได้เยอะๆ

    .

    ขายดี.. แต่ไม่ค่อยมีกำไร เอ้.. ทำไม…

    .

    หลายคนคง “หงุดหงิดใจ” กับการขายของ ขายก็ออกจะดี แต่ดันไม่มีกำไรเหลือเลย…

    .

    เพราะอะไร…

    .

    จริงๆ แล้ว.. อยู่ที่วิธีคิด.. และ การค้นหา..

    .

    ว่าสินค้าแบบไหน ที่จะทำให้ “ขายดี

    .


    การค้นหา “สินค้า” ที่ทำกำไรได้ เยอะๆ

    (มีอัตรา กำไร:ทุน สูงๆ)

    คงมีปัจจัยต่างๆ ดังนี้

    .

    1.เป็นสินค้าที่ทำขึ้นจำนวนไม่มาก สินค้าที่ทำออกเป็นรุ่นๆ ไป

    .

    2.สินค้า ต้องมีความพิเศษ กว่าสินค้าพื้นฐานทั่วไป
    เช่น ดีไซน์ หรือ วัตถุดิบที่ใช้

    .

    3.สินค้าที่ต้องมีคุณค่าทางด้านจิตใจ (สร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้ใช้)

    เช่น Brand ดังๆ

    .

    4.สินค้าที่ต้องมีความเป็นมา “มีตำนาน มีเรื่องราว”

    กว่าที่จะเป็น “สินค้า” ได้ ต้องมีประวัติความเป็นมา

    .

    สินค้าที่จะขายแล้ว มีกำไรเยอะๆ นั้น อยู่ที่เรานั้นต้องใส่ “ปัจจัยต่างๆ” ลงไปให้กับตัวสินค้า

    ที่ทำให้เกิด “คุณค่า” กับตัวสินค้า

    สินค้าตัวนั้น จึงจะเป็นที่ต้องการ และมีกำไรต่อทุน มากๆ นั่นเอง

    .

    Admin.R

  6. ขายอะไรดี” ที่จะทำให้ “รวย”

    .

    หากจะบอกเป็นตัวสินค้าไปเลย เหมือนกับอีกหลายๆ เว็บเขาทำกัน ผู้เขียนก็ “โกหกแล้วครับ”

    .

    มาพูดกันตามจริงดีกว่า ว่า “ขายอะไรดี” แล้วจะทำให้รวยได้

    .

    ในความเป็นจริง… ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใด.. ก็มีโอกาส “รวยได้”

    .

    แต่สำคัญมันอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไร… จะขายแบบไหน… สินค้าลักษณะใด.. ก็ต้องมีวิธีขายที่ต่างกันออกไป

    .

    ปัจจัยสำคัญของ “สินค้าที่จะทำให้รวยได้” คืออะไร..

    .

    สินค้าที่จะทำให้ “รวยได้” ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

    .

    1.สร้างยอดต่อปี.. เข้าหลักร้อยล้าน…

    .

    -สินค้าที่มีราคา ต่อ หน่วย “ต่ำ” ต้องขายให้ได้มากๆ

    .

    เช่น. ต้องการขายขนม ชิ้นละ 5 บาท ต้องขายให้ได้หลายล้านชิ้นต่อปี

    .

    -สินค้าที่ราคาต่อหน่วย “สูง” ต้องขายให้ได้กำไรมากๆ

    .

    เช่น. ต้องการขายที่ดิน แปลงละ 5 ล้านบาท ต้องขายให้ได้กี่แปลงต่อปี

    .

    2.ต้องตั้งเป้าหมาย

    .

    -เมื่อรู้แล้ว ว่า จะขายสินค้าลักษณะไหน เราก็ต้องเป้าหมายว่า เราจะขายให้ได้เป็นที่เท่าไหร่ ของตลาด เช่น

    .

    จะขายชาเขียวบรรจุขวด เบอร์หนึ่งของตลาด คือ โออิชิ อิชิตัน แล้วเราจะขายอยู่ที่ไหร่ดี

    .

    จะขาย “ขนมครก” เจ้าตลาดเป็นใคร แล้วเราจะสู้เจ้าตลาดด้วยอะไร

    .

    เป็นการกำหนดยอดขาย ที่ต้องทำให้ได้… เพื่อไปกำหนดวิธีการขายต่อไป..

    .

    3.ต้องขายให้เป็น

    .

    หากต้องการขายให้ได้มากๆ ต้องขยายตลาดให้กว้าง เช่น การขายส่ง , การขายในรูปแบบแฟรนไชส์ , การขายแบบรับตัวแทน เป็นต้น

    .

    หากคิดจะ “รวย” แต่ไม่รู้ว่าจะ “ขายอะไรดี” ก็ต้องเข้าใจตลาด เข้าใจรูปแบบธุรกิจ นำปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น มาเป็นองค์ประกอบ

    .

    สร้างมูลขายต่อปีให้ได้มากๆ จึงจะสามารถมีกำไรได้เยอะๆ จึงจะมีโอกาสรวยได้

    .

    ลองหันไปมอง ธุรกิจของเจ้าสั้วทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่มียอดขายสูงๆ ทั้งนั้น

    .

    แต่ก็เริ่มต้นด้วยจุดเล็กๆ.. แต่สิ่งที่ทำให้เขาสำเร็จได้ คือ เป้าหมาย , รู้จักตลาด , แล้วขายให้ได้มากๆ ขยายตลาดไปเลยๆ

    .

    สิ่งเหล่านี้ ถึงทำให้ รวยได้อย่างเจ้าสั้วทั้งหลายนั่นเอง..

    .

    Admin.R

  7. แล้วก่อนที่จำคิดว่า “ขายอะไรี” หรือ จะเริ่มต้นทำธุรกิจ

    .

    ก็ควรตอบคำถาม 8 ข้อนี้ให้ได้ก่อน.. (เพื่อกำหนด ขอบเขตความ “รวย” ของเรา)

    .

    คลิ๊ก.. 8 คำถาม ที่ต้องตอบให้ได้ ก่อน. เริ่มต้นธุรกิจ (เศรษฐีหน้าใหม่อาจเป็นคุณ)

  8. ได้อ่านบทความแล้วทำให้เห็นลู่ทางขึ้นขอบคุณค่ะ

  9. ขอบคุณบทความดีๆ แบบนี้ รอติดตามตลอดค่ะ

  10. อ่านแล้ว.. ค่อยเห็นลู่ทางขึ้นมาหน่อย

    ที่แรกไม่รู้ว่าจะ “ขายอะไรดี

    ไปไม่เป็น เริ่มต้นไม่ถูก

    แต่อ่านจบแล้ว น่าจะพอเห็นทางแล้ว

    เดี๋ยวลองทำดู

    ขอบคุณมากๆ เลยครับ เฮียอาซาดะ

  11. ที่จริงขายของมาหลายอย่าง ลองไปหมด
    แต่ไม่ค่อย work เท่าไหร่

    สุดท้าย ก็มีที่คำถามเดิม “ขายอะไรดี

    หาข้อมูลเยอะมาก แต่ล้วนแต่งงๆ

    แต่เมื่ออ่านบทความนี้แล้ว พอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง จะทดลอดงดูนะค่ะ

  12. ตอนแรกไม่รู้ว่าจะ ขายอะไรดี
    ตอนนี้ จะหาของขายที่คิดไว้แต่แรกมาลองขายดู

    ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆเลยค่ะ

  13. สู้เพื่อฝัน // มกราคม 24, 2016 at 18:26 // ตอบกลับ

    ขอบคุณคำแนะนำค่า แม่ค้ามือใหม่ฝากด้วยนะคะ อิอิ

  14. อ่านจบแล้ว ก็ยังคิดไม่ออกครับ ว่าจะ “ขายอะไรดี” ครับ
    ผมมีที่ดินเป็นท้องนา วิวหลังเป็นวัดแหล่งท่องเที่ยว
    แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี แนะด้วยครับ

    • ลองทำเป็นร้าน cafe กลางทุ่งนา ดีไหมครับ
      ออกแบบร้านง่ายๆ..อิงธรรมชาติ
      ทำสะพานไม้…เดินไปจุด ถ่ายรูป 2-3 มุม
      ยิ่งฉากหลังเป็นวัด…ยิ่งสวยงามมากๆ

      น่าจะขายดี มีคนสนใจมาใช้บริการแน่ๆ ครับ

  15. วาริษา ชิบะ // กรกฎาคม 28, 2018 at 12:40 // ตอบกลับ

    ลูกชายเราลูกครึ่งญี่ปุ่นทำเว๊ปขายของแปลกจากในไทยหรือประเทศใหนก็ได้ที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ใครมีของแปลกๆ ของผลิตด้วยมือ จะเป็นของเก่าของใหม่ ก็ได้นะคะ อยากฝากขายหาตลาดในญี่ปุ่น ติดต่อเรานะคะ เมล์ japan-study@hotmail.co.jp tel 061 408 8384 (เบอร์นี้อาจใช้ไม่ได้ถ้าเรากลับญี่ปุ่น) ให้ติดต่อ แพรว 064 9462 239

ส่งความเห็นที่ mareeya ยกเลิกการตอบ

E-mail ของคุณจะไม่แสดงขึ้นมาก.


*

กรอกเป็นตัวเลข * Time limit is exhausted. Please reload the CAPTCHA.